เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ประชากรอายุยืนขึ้น จากการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้า ขณะเดียวกันอายุที่มากขึ้นก็มาพร้อมกับโรคประจำตัว ประมาณการณ์ว่า ผู้สูงอายุของไทยที่มีอยู่ราว 12 ล้านคน ประมาณ 8 – 9 แสนคน อยู่ในภาวะพึ่งพิงหรือต้องการคนดูแล นับเป็นโอกาสของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่ต้องยกระดับมาตรฐานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้
“นพ.นพดล นพคุณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) บริษัทในเครือบริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) (TM) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ผู้สูงอายุของไทยมักจะมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะ NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน หัวใจ มะเร็ง ไขมัน เป็นปัญหาของสาธารณสุขของไทย การที่ผู้สูงอายุมีภาวะสุขภาพ ในที่สุดต้องอาศัยการดูแล
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ในปี 2565 มีจำนวนกลุ่มผู้สูงอายุกว่า 12 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรในประเทศ ประมาณ 8 – 9 แสนคน อยู่ในภาวะพึ่งพิงหรือต้องการคนดูแล คนกลุ่มหนึ่งต้องอาศัยสวัสดิการของรัฐในการดูแล และคนอีกกลุ่มสามารถมีกำลังจ่าย
ที่ผ่านมาพบว่า ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น รวมถึง “บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน)” หรือ TM ในฐานะเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในกลุ่มอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลือง และกลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ที่เล็งเห็นโอกาสในการต่อจิ๊กซอร์ธุรกิจนี้ เพื่อก้าวขึ้นสู่เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน โดยก่อตั้ง “บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด” หรือ TMNC ภายใต้แบรนด์ “THE PARENTS”
พัฒนา ตั้งแต่ต้นน้ำ
นพ.นพดล กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวก็เป็นคนหนึ่งที่มีพ่อแม่อายุ 90 กว่าปี ถึงจะเป็นแพทย์ก็ต้องทำงาน การดูแลผู้สูงอายุ 24 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่าย การที่ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องมีความสุขทั้งกาย ใจ สิ่งแวดล้อม คนที่ดูแลผู้สูงอายุ 24 ชั่วโมง หากไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ไม่มีเทคนิคทางด้านการดูแล จะทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตไม่ดีพอ
ดังนั้น เมื่อมี “THE PARENTS” เกิดขึ้น และตนเองเป็นบุคลากรทางการแพทย์ จึงเห็นว่าจะต้องเริ่มตั้งแต่ “ต้นน้ำ” สร้างคนที่มีคุณภาพ โดยก่อตั้ง “โรงเรียนการบริบาล เดอะพาเร้นท์ส” (The Parents Nursing Care School) ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนโรงพยาบาล ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และส่งบุคลากรที่ผ่านการอบรมเข้าไปดูแลผู้สูงอายุในที่พักอาศัย ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ และ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมงเป็นพื้นฐาน ใช้เวลาเรียน 3 เดือน ผลิตบุคลากรรุ่นที่ 1 ไปแล้ว 16 คน รองรับได้ทั้งหมด 40 คน จัดการเรียนการสอนโดยแพทย์ พยาบาลอาวุโสที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ และผู้เชี่ยวชาญทุกด้านที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะจิตวิทยาผู้สูงอายุ โภชนาการ กายภาพบำบัด เป็นต้น
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ครบวงจร
สำหรับ “กลางน้ำ” ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ The Parents Nursing Home ตั้งเป้าเป็นสถานดูแลผู้สูงอายุ ที่ต้องการคนดูแลหรือภาวะพึ่งพิงให้เป็นมาตรฐาน คุณภาพ รองรับได้จำนวน 107 เตียง อาคาร 5 ชั้น ประกอบไปด้วย เตียงเดี่ยวหรือห้อง VIP/VVIP และชนิดเตียงรวม เน้นให้บริการส่งเสริม ฟื้นฟู ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในทุกสภาวะของร่างกาย
“การก่อสร้างคำนึงตั้งแต่การออกแบบต้องออกแบบสถานที่ให้เหมาะสม เป็นไปตามมาตรฐาน WHO เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ และ พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ ได้กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเรื่องของพื้น เมื่อหกล้มต้องบาดเจ็บน้อย ความกว้างของประตู ความกว้างทางเดิน ปุ่มสัญญาณการช่วยเหลือ สามารถคุยกับลูกหลานได้ผ่านทางวิดีโอคอล รวมถึงมีนักกำหนดอาหาร นักกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด วางแผนการดูแลและวัดพัฒนาการ และบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน”
ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการภาวะพึ่งพิง ก็มีห้องสันทนาการ มีกิจกรรมให้ผู้สูงอายุที่ชอบสังคมมาทำกิจกรรมร่วมกัน ร้องเพลง เต้นรำ วาดรูป ทำอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว ท่องเที่ยวต่างประเทศที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงบริการพาไปพบแพทย์ ช้อปปิ้ง เป็นต้น
เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ในส่วนของ “ปลายน้ำ” อยู่ระหว่างการก่อตั้ง “โรงพยาบาล เดอะพาเร้นท์ส” (Parents Hospital) อาคาร 7 ชั้น ขนาด 28 เตียง มุ่งเน้นด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตทุกกลุ่มอายุ ร่วมกับการรักษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีน หน่วยไตเทียม ธาราบำบัด การบริบาลนักกีฬา บริบาลคุณแม่หลังคลอด ผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรม สปา สามารถรองรับรักษาฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง, หลังผ่าตัดกระดูกและข้อ, หลังผ่าตัดใหญ่ทั่วไป และผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงขึ้นก่อนกลับไปอยู่บ้าน โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ในส่วนของโรงพยาบาล เดอะพาเร้นท์ส เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2567
หากเจ็บป่วยเรามีโรงพยาบาลรองรับ แต่หากอาการหนัก ก็มีโรงพยาบาลเครือข่าย ส่งต่อ ในเวลาอันรวดเร็วไม่เกิน 15 – 30 นาที นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อีก 1 ไร่กว่า วางแผนในการสร้างเป็นสวนพักผ่อนในบริเวณเดียวกันมีภัตตาคาร จุดเช็กอินอาหารสุขภาพ และดนตรีในสวน เพื่อเป็นสถานที่ให้ครอบครัวได้มาพักผ่อนร่วมกัน อีกทั้ง อยู่ระหว่างการพิจารณาสร้าง ซีเนียร์เรสซิเดนซ์ สำหรับผู้สูงอายุในอนาคต
“การที่ไทยผลักดันเรื่อง Medical Hub ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุก็เป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญในการวางแผนรองรับชาวต่างชาติ เพราะไทยมีการแพทย์ที่ดี ทันสมัย คุณภาพสูง บุคลากรเป็นที่ต้องการ ทำให้ไทยเป็น Medical Hub โดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ความท้าทาย คือ เมื่อผู้สูงอายุมีความต้องการมากขึ้น โอกาสมีแน่นอน เพียงแต่จะต้องมีคุณภาพด้วย ผู้ประกอบการก็ต้องยกระดับมาตรฐานให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาชนและประเทศ” นพ.นพดล กล่าวทิ้งท้าย
CR: ยกระดับ “เนอร์สซิ่งโฮม” ดูแลตั้งแต่ ต้นน้ำ-ปลายน้ำ (bangkokbiznews.com)